รอบนี้สุดขีด เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล เปิดอก ตื่นเต้นกับเกม “แดงเดือด”

รอบนี้สุดขีด พร้อมบอกว่า แมนฯยูไนเต็ดไม่เคยเป็นทีมรองบ่อนเลย เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล บอกว่าตนตื่นเต้นที่จะได้นำทีมเจอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคมนี้สุดๆ นอกจากเกมวันอาทิตย์นี้

จะเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีของทั้ง 2 ทีมแล้วนั้น มันยังเป็นเกมที่มีความหมายต่อการลุ้นแชมป์มากๆ ด้วย หลังจากที่ลิเวอร์พูล เป็นรองจ่าฝูงโดยที่ตามหลัง แมนฯยูไนเต็ด3 แต้ม ส่งผลให้หลายคนมองว่านี่จะเป็นเกม “แดงเดือด” ที่เข้มข้นที่สุดในช่วงหลายนัดที่ผ่านมา

กุนซือชาวเยอรมันเผยว่า “ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่เราต้องการแล้ว เรารู้ดีว่าเราจำเป็นต้องทำอะไร เรารู้ว่าตรงไหนที่มันผิดพลาด เราอยากเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น ซึ่งตอนนี้เราก็ต้องทำอย่างนั้นให้ได้กับการเล่นในนาม นั่นคือสถานการณ์ในตอนนี้ พูดกันตรงๆ เลยนะ

ผมตั้งตารอเกมนี้อย่างใจจดใจจ่อ ผมรู้ดีว่า โอเล่ ให้สัมภาษณ์ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้เจอกับลิเวอร์พูล เขาคิดอย่างนั้นสินะ ? แล้วเราจะได้เห็นกัน!” คล็อปป์ เสริมว่าในมุมมองของตนนั้น แมนฯยูไนเต็ดไม่เคยเป็นทีมรองบ่อนเลย ซึ่งตรงข้ามกับที่ กีฬาขี่ม้า

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ แมนฯยูไนเต็ดให้สัมภาษณ์ในเชิงก่อนหน้านี้ว่า “ปีศาจแดง” ยังเป็นรอง ลิเวอร์พูลอยู่ และถ้าเกิด แมนฯยูไนเต็ดชนะได้แล้วมันก็จะเป็นเกมที่ช็อกพอตัว “ผมคุมทีมในอังกฤษมา 5 ปีแล้ว และยูไนเต็ด ก็ไม่เคยเป็นทีมรองบ่อนเลย

พวกเขาไม่เคยเป็นแบบนั้น นั่นคือความเป็นจริง พวกเขาคือทีมที่ดีอยู่เสมอ, มีนักเตะเก่งๆ หลายคนอยู่ในทีมมาโดยตลอด แต่เกมนี้เราจะได้เล่นในบ้าน และผมก็ไม่คิดว่าเราเป็นรองเพียงเพราะว่าพวกเขาอยู่ในอันดับที่ดีกว่าเราหรอก เราต้องเล่นให้เหนือกว่า

พวกเขาให้ได้” “ปกติแล้วพวกเขาจะชอบเปลี่ยนระบบการเล่นในเกมที่เจอกับเรา อย่างเช่นมีถึง 10 นัดที่พวกเขาใช้กองหลัง 4 คน แต่พอถึงเกมกับ แอร์เบ ไลป์ซิก พวกเขาเปลี่ยนไปใช้แผนที่ส่งกองหลังลงเล่น 5 คน ดังนั้นหนนี้พวกเขาก็อาจจะเปลี่ยนแผนในการ

เจอกับเราก็ได้ นั่นคือสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ ไม่ใช่เรื่องที่ว่าใครเป็นทีมรองบ่อน มันคือการเจอกันระหว่างลิเวอร์พูล กับยูไนเต็ด และแค่ชื่อของทั้ง 2 ทีมก็ทำให้นี่เป็นเกมที่ใหญ่มากๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหนก็ตามในโลกนี้ผมก็มักจะหาโอกาสดูเกมนี้ให้ได้อยู่เสมอ นี่คือเกมใหญ่!”

ห่างชั้นเหลือเกิน

รอบนี้สุดขีด เกมรับที่แสนเปราะบาง

รอบนี้สุดขีด ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องใช้งานผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์อย่าง ฟาบินโญ่ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (บางเกม) ลงมาทำหน้าที่เป็นเซนเตอร์แบ็กขัดตาทัพ เนื่องจากปราการหลังตัวหลักโดนอาการบาดเจ็บพรากไปจากเกมลูกหนังอีกนานหลายเดือน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

กับ โจ โกเมซ ต้องใช้เวลาอยู่กับโรงหมอและโรงยิมมากกว่าในสนามซ้อม ขณะที่ โฌเอล มาติป ก็พึ่งพาไม่ค่อยได้เพราะสภาพร่างกายสามวันดีสี่วันเดี้ยงซึ่งก็แสดงให้เห็นอยู่บ่อยๆ ในฤดูกาลนี้ ยิ่งไปกว่านั้นกองหลังตัวเลือกแรกของทีมก็กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตก

แบบรูดมหาราชนั่นก็คือ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โดยแบ็กขวาเลือดผู้ดีมีส่วนต้องรับผิดชอบเต็มๆ จากการกะจังหวะผิดพลาดจนเป็นเหตุให้ แดนนี่ อิงส์ ได้ยิงประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ไก่โห่ และยังเป็นประตูชัยของ เซาธ์แฮมป์ตัน ซะด้วย จังหวะนั้น ห่างชั้นเหลือเกิน

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “เจ้าหนูเทรนต์” ทำผิดพลาดในฤดูกาลนี้ ยังไม่หมดแค่นั้นประสิทธิภาพในเกมรุกที่เคยน่ากลัวของเขาก็ขาดหายไป ในขณะที่เกมรับก็เล่นไม่ค่อยแน่นอน ฉะนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะโดน มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งซัดไป 3 ประตูจาก 4 เกมหลังสุดที่

เล่นเกม “แดงเดือด” ที่มีทั้งความเร็วความคล่องตัวทดสอบแน่นอน

ดูบอลสด

เกมรุกขาดความคงเส้นคงวา

“เดอะ เร้ดส์” ทำผลงานได้น่าผิดหวังมากๆ ในการยิงประตูจากการลงสนาม 3 เกมพรีเมียร์ลีกติดต่อกันซึ่งถือว่าย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2005 ซึ่งต้องยอมรับว่านี่คือวิกฤติในแดนหน้าของลิเวอร์พูล จริง ๆ นับตั้งแต่ที่ ดีโอโก้ โชต้า ได้รับบาดเจ็บ ในเกมเยือน ดูบอลสด

มิดทิลแลนด์ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นทำให้ “หงส์แดง” มีตัวเลือกในเกมรุกเพียงแค่ 3 ประสาน “หิน เหล็ก ไฟ” ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เท่านั้น ส่วน ทาคุมิ มินามิโนะ กับ ดิว็อค โอริกี้ ยังพึ่งพาไม่ได้ แนวรุก “เอสเอ็มเอฟ” (SMF)

ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเกมที่ไล่ต้อน “ดิ อีเกิ้ลส์” คริสตัล พาเลซ 7-0 ที่สนามเซลเฮิร์สท์ พาร์ค ก่อนที่จะถึงช่วงคริสต์มาส และหลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับตาลปัตร กลายเป็นว่าพวกเขาแทบจะไม่สามารถช่วยยิงประตูได้เลย เหตุผลที่จะนำมาใช้อ้างได้ในเวลานี้

ก็คือลิเวอร์พูล เจอโปรแกรมติดต่อกันและ คล็อปป์ ไม่มีตัวเลือกในเกมรุกมากนักจึงต้องส่ง 3 คนนี้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจบเกมเอฟเอ คัพ ทั้ง มาเน่, ซาลาห์ และ ฟีร์มีโน่ มีเวลาพักฟื้นร่างกายมากกว่านักเตะ “ผีแดง” ซึ่งเพิ่งลงสนามในเกมตกค้างเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา