เล่าถึงความหลังสักนิด หากย้อนตำนาน อาจมีความดุดันเข้ามาเจือปนเล็กน้อย
เล่าถึงความหลังสักนิด เมื่อว่ากันว่า กีฬาชนิดนี้ เริ่มต้น โดยการแข่งขัน ระหว่างชาวเปอร์เซีย กับชาวเติร์กโคมัน ราว 600 ปีก่อนคริสตกาล แต่ผู้ที่ได้รับ การบันทึกว่า เป็นผู้นำกีฬาชนิดนี้ ไปเผยแพร่
คือชาวมองโกล ในยุคของ เจงกีสข่าน ที่พอรบได้ชัยชนะ ก็ทำการประหารเชลยศึก ด้วยการตัดศีรษะ แล้วนำศีรษะ ที่ถูกตัดไปตีเล่น จากนั้น จึงค่อยๆพัฒนาเรื่อยมา หลังจากผ่านโรคร้ายมาได้
กระทั่งกลายเป็นกีฬา บนหลังม้าแพร่หลาย ไปยังแถบเปอร์เซีย และดินแดน ฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะ ในอินเดีย ที่พอชาวอังกฤษ ซึ่งเป็น เจ้าของอาณานิคม ได้มาพบเข้า ก็นำกลับไป เล่นบ้าง กระทั่งมี การก่อตั้ง เป็นสโมสรขึ้น และถูกเผยแพร่ ไปทั่วโลก
เท่าที่ สามารถตรวจพบ ในบันทึก ประวัติศาสตร์นั้น การขี่ม้า โปโล เริ่มขึ้น ประมาณ 2600 ปีก่อน ในอาณาจักรเปอร์เซีย โดยเริ่มแรก ลูกบอลที่ใช้เล่น จะทำด้วยหนังสัตว์
หลังจากนั้น ในยุคที่เผ่ามองโกลเรืองอำนาจ ก็ได้รุกรานไปในอาณาจักรต่างๆ และรับเอากีฬานี้ไว้ เพราะชาติมองโกล เป็นชาติที่ ขี่ม้าเก่งอยู่แล้ว จึงไม่ยากที่ จะเล่นกีฬา ขี่ม้า โปโล แต่การเล่น กีฬาขี่ม้าโปโล ของชาวมองโกลนั้น จะดูโหดร้าย ทารุณกว่า
เพราะใช้ “หัวของนักโทษ หรือเชลยศึก” เป็นลูกบอลแทน ซึ่งจริงๆแล้ว ก็ไม่น่าจะ เป็นเรื่องแปลกอะไร มากมายหนัก เนื่องจาก ในยุคสงคราม ผู้เสียชีวิต ไม่เว้นแต่ละวัน อยู่แล้ว
หลังจากนั้น ในยุคที่มีการล่าอาณานิคม
ทหารจากประเทศ ที่มาล่าอาณานิคม เหล่านี้ ก็เริ่มได้สัมผัสกีฬานี้ และนำกลับไป เล่นในบ้านเมือง ของตน มีการพัฒนา ปรับเปลี่ยน ตลอดจน เพิ่มเติมกฎ – กติกา ที่ชัดเจน เป็นแบบแผนมากขึ้น จนกลายเป็นกีฬาโปโล ดังที่เห็น ในปัจจุบัน
สำหรับกีฬา ในประเทศไทย จากบันทึก ที่เชื่อถือได้พบว่า กีฬาประเภทนี้ เข้ามาในประเทศไทย ในสมัยรัชกาลที่ 7 แห่งราชงวงศ์จักรี หรือเมื่อ ประมาณ 80 กว่าปีก่อน โดยเป็นการนำทีมอังกฤษ ที่ประจำ อยู่ที่เกาะปีนัง
(สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นทหารอังกฤษ ที่ประจำการ อยู่ที่เกาะปีนัง – ผู้เรียบเรียง) มาเล่นถวาย ต่อหน้าพระที่นั่ง จากนั่น ก็มีการก่อตั้งสโมสร ขี่ม้าตีคลี ในพระบรมราชูปถัมภ์ขึ้น เพื่อส่งเสริมกีฬานี้ เป็นการเฉพาะ กีฬาขี่ม้า
แต่เป็นที่ น่าเสียดาย เป็นอย่างยิ่งที่ “โปโล” กลับกลาย เป็นกีฬา ที่นิยมกัน อยู่ในวงจำกัดเฉพาะ ชาวต่างชาติ ที่มาตั้งรกราก เพื่อทำธุรกิจ ในประเทศไทย และกลุ่ม ชนชั้นสูง ในสังคมเท่านั้น จนในที่สุด เมื่อประมาณ 50 กว่าปีก่อนหน้านี้
การดำเนิน การต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กับกีฬาขี่ม้าโปโล ของสโมสรนี้ ก็ต้องล้มเลิกไป ด้วยอาจเป็น เพราะข้อจำกัดต่างๆ ของกีฬาโปโลเอง ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่าย ในการเลี้ยงดูม้า ความชำนาญ ในการขี่ม้า ของผู้เล่น กฎ – กติกา และปัจจัยอื่นๆ
ซึ่งล้วนแต่ ทำให้โปโล กลายเป็นกีฬาที่ ”แพง” และ “ยุ่งยาก” ในสายตาของคนทั่วไป ดังนั้น กีฬาขี่ม้าโปโล จึงเสื่อมความนิยม เป็นลำดับ ซึ่งหาก เปรียบเทียบ กับประเทศอื่น ในภูมิภาคเดียวกันแล้ว ความสนใจ และความนิยม ดูบอลสด
จะแตกต่าง จากประเทศเรา เป็นอย่างยิ่ง ส่วนการขี่ม้า โปโล หรือที่ใน อดีตเรา เรียกกันว่า “ตีคลี” นั้นได้รับความสนใจในวงแคบ จนแทบจะ กล่าวได้ว่า ความสนใจ ในกีฬาขี่ม้า โปโลนั้นเกือบจะเป็นศูนย์