เมาท์แฮตทริก ถึงแม้เชลซี จะไม่มีทั้งยัง โรเมลู ลูกากู และก็ ติโม แวร์เนอร์ แต่ว่ายังโชว์ฟอร์มโหดเหี้ยมกระหน่ำ นอริชที่เหลือผู้เล่น 10 คนด้วยสกอร์ 7-0
เมาท์แฮตทริก โดยที่ เมสัน เมาท์ กดแฮตทริก ทำให้ “สิงห์บลูส์” ทำสกอร์หนี “ลิเวอร์พูล” รองฝูงเพิ่มเป็น 4 คะแนนชั่วครั้งชั่วคราว ในศึกพรีเมียร์ลีก ตอนวันที่ 23 เดือนตุลาคมก่อนหน้านี้
ศึกบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่แรกทุกวันเสาร์ที่ 23 ต.ค. 2564 ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ระหว่างเชลซี หัวหน้าฝูง เจอนอริช บ๊วของตาราง โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมเชลซี
โดยมี เมสัน เมาท์น และก็ คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย ทำเกมรุกช่วยเหลือ ในเวลาที่ ดาเนี่ยล ฟาร์เค่ ผู้จัดการทีมฟุตบอลนอริชซิตี้ เกมนี้ส่งคู่หน้าอย่าง จอช ซาร์เจนท์ รวมทั้ง ตีมู ปุ๊คกี้ ลงล่าตาข่าย ครึ่งแรกเปิดตัวมาเป็นเชลซี ที่เปิดตัวบุกใส่ก่อนตามคาด
นาทีที่5 มาได้ทักจากจังหวะที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เพิ่มขึ้นมาแล้วกดด้วยขวาหน้าจุดโทษบอลพุ่งไปตรงตัว ทิม คุณครูล รับเข้าซอง จนถึงนาทีที่ 8 เชลซีจะขึ้นนำ 1-0 อย่างเร็ว คุยแบบเปิดเผย
จอร์จินโญ่ เก็บบอลได้ชื่อเสียงจุดโทษก่อนไหลแม้กระทั่ง เมสัน เมาท์ ตั้งป้อมกดด้วยขวาบอลพุ่งทิ่มเสาไกลเข้าไปอย่างงดงาม แล้วหลังจากนั้นนอริช ยังตั้งเกมของตนมิได้เลย โดนเจ้าถิ่นกระหน่ำบุกใส่ตลอด ก่อนที่จะมานำห่างเป็น 2-0
ในนาที 18 มัตเตโอ โควาซิช แทงทะลุช่องให้ คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย หลุดผู้เดียวเข้าจุดโทษไปยิงผ่านมือของ ทิม ครูล เข้าประตูไปแบบง่ายๆ
เมาท์แฮตทริก นอริชมาได้ช่องจบสกอร์หนแรก ในนาทีที่ 38
เมาท์แฮตทริก เมื่อ โอซาน คาบัค ลากขึ้นมาก่อนทดลองกดด้วยขวาหน้าจุดโทษแต่ว่าบอลบินผ่านคานออกไป “สิงห์บลูส์” บุกมาเป็นระยะนาที 42 เมสัน เมาท์น ไหลบอลให้ รีช เจมส์ ใส่ขึ้นมาจากข้างหลังหลุดลำพังเข้าจุดโทษแล้วชิพผ่านตัวของ ทิม ครูล จ่ายบอลเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้นให้ เชลซีหนีเป็น 3-0
เมาท์แฮตทริก ตอนที่เหลือเชลซี ยังครอบครองเกมบุกใส่แต่ว่าไม่มีจังหวะจบสกอร์แบบแจ่มแจ้งทำให้จบครึ่งแรกนำนอริช 3-0 ช่วงหลัง นอริชไม่คอยช้าเปลี่ยนแปลงผู้เล่นถึงสองตำแหน่งส่ง มิรอส ราชิช่า และก็ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ลงมาเล่นแทน ปิแอร์ ลีส์ เมลู แล้วก็ ดิมิตริส จานนูลิส เป็นลำดับ กีฬาขี่ม้า
ในตอนที่เจ้าถิ่นยังคงใช้ผู้เล่นชุดเดิมทั้งผอง นาทีที่53 นอริชแทบได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะที่ เบน ชิลเวลล์ ไหลบอลคืนหลังแต่ว่าสั้นเกินโดน มิรอส ราชิช่า ฉกบอลหลุดโดดเดี่ยวไปซัดในจุดโทษ
แม้กระนั้นยังไม่ผ่านมือ เอดูอาร์ เมนดี้ ที่ใช้แขนพุ่งเซฟออกไปแบบจวนเจียน หลังจากนั้นเชลซี ได้ตอบโต้กลับมา มัตเตโอ โควาซิช พนันบอลไปที่ฝฝั่งซ้ายให้ เบน ชิลเวลล์ ที่ใส่ขึ้นมาในจุดโทษแล้วตกลงใจกดเรียดด้วยซ้ายจ่ายบอลพุ่งทิ่มเสาไกลเข้าไปอย่างงดงามให้สกอร์ไหลเป็น 4-0 ในนาทีที่ 57
แค่นี้ยังไม่เพียงพอนาที 62 คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย บากบั่นเปิดบอลมาที่กึ่งกลางประตู
เมาท์แฮตทริก แต่ว่าไปไถล แม็กซ์ แอรอนส์ เปลี่ยนแปลงทางยัดใส่ตัว ทิม ครูล ก่อนที่จะปัดไม่ทันบอลผ่านเส้นเข้าประตูไปทำให้เชลซี นำเป็น 5-0 เหตุการณ์ของนอริช มาเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมเมื่อ เบน กิ๊บสัน ไปเข้าหนักใส่ รีช เจมส์ ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองลำดับที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป
เมาท์แฮตทริก ในนาทีที่ 65 ทำให้กลุ่มเยี่ยมจำเป็นต้องเล่นเพียงแต่ 10 คน เชลซีจัดแจงถอดตัวหลักไปพักไว้บ้างส่ง รูเบน รอฟตัส ชีค ลงมาเล่นแทน จอร์จินโญ่ ในนาทีที่ 64 เจ้าถิ่นแทบได้ลูกที่ 6 เมื่อ รอคอยสส์ บาร์คลีย์ ผู้เล่นสำรองหลุดโดดเดี่ยวมาซัดด้วยซ้ายจ่อๆแม้กระนั้นโอกาสนี้ ทิม ครูล โชว์ซูเปอร์เซฟปัดทิ้งออกข้างหลังเฉียด
ในนาทีที่ 79 แม้กระนั้น นาที 81 อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ตวัดยิงจ่อๆบอลไปติดแขนของ มาเธียส นอร์มันน์ ผู้ตัดสินย้อนไปเช็กวีเออาร์ ด้วยตัวเองก่อนที่จะกลับมาเป่าให้จุดลูกโทษกับเชลซี ถ้าว่า เมสัน เมาท์ กลับยิงไปติดเซฟของ ทิม ครูล แม้กระนั้นผู้ตัดสินให้เชลซี ยิงใหม่อีกทีภายหลังนายด่านชาวฮอลันดาขยับเท้าออกมาจากเส้นก่อน รวมทั้งโอกาสนี้ เมาท์ ยิงเข้าไปไม่พลาดให้ เชลซีนำเป็น 6-0
ช่วงต่อเวลาพิเศษเจ็บ นาที 90+1 รูเบน รอฟตัส ชีค หลุดคนเดียวเข้าจุดโทษแล้วไหลมอบให้พานให้ เมสัน เมาท์ ซัดโล่งเตียนๆเข้าประตูไป พร้อมด้วยเป็นแฮตทริกของเจ้าตัวในเกมนี้ ขณะที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมเชลซี กระหน่ำนอริช 7-0 ทำคะแนนหนี “ลิเวอร์พูล” รองฝูงเพิ่มเป็น 4 คะแนนชั่วครั้งชั่วคราว
